facebook-awards-2017

รวม 8 รางวัลจากเวทีประกวด Facebook Awards 2017

ทุกๆปีทาง Facebook เขาจะเปิดเวทีให้คนส่งรางวัลความคิดสร้างสรรค์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของเฟสบุ๊คในด้านต่างๆ รวมถึง Instagram มาเป็นองค์ประกอบหลักในงาน แต่ละปีมีงานทั่วโลกส่งมากไม่น้อยเลย การได้รางวัลจึงไม่ได้ง่ายๆ และแต่ละปีหมวดในการส่งประกวดก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่เหมือนกันสักปี มาปี 2017 เลยยุบทุกหมวดเหลือแค่หมวด WOW, LAUGH, CRY, LOVE และ ACT ให้ล้อไปตามอีโมชั่นของคนซึ่งเรียบง่ายที่สุดแล้วครับ (ขอให้เป็นอย่างนี้และไม่เปลี่ยนหมวดอีก)

งานส่วนใหญ่ของปีนี้จะเป็นแนวเล่นกับฟีเจอร์บน Facebook หรือ Instagram มากกว่าเป็น Big Idea ใหญ่ๆเหมือนเวทีอื่น หยิบมาให้ดูจำนวน 8 จากผลงานที่ได้รางวัลทั้งหมด 24 ผลงานครับ

รายละเอียดของแต่ละหมวด

WowThis is the work that wowed us—the work marked by innovation. It made our jaws drop and forged new paths for a brand’s presence on our platforms.

LaughThis is the work that made us laugh—the work that captured our attention, got us to crack a smile, and caused serious LOLs. It made us feel good and took humor to another level.

CryThis is the work that made us cry—the work that got us all emotional, inspired compassion, and helped us see things differently. It made us think and connected with audiences through storytelling.

Love - This is the work that made us fall in love with a brand—the work that spoke to us where it counts. It won our hearts and improved brand sentiment and perception.

Act - This is the work that moved us to act—the work that woke us up and made us do something. It inspired action and had a measurable impact on sales or related metrics

 

 

1) เปลี่ยนการตั้งอีเมล Out of Office ให้เชื่อมกับ Instagram ของเราขณะท่องโลกกว้าง เพิ่มช่องทางขายตั๋วเครื่องบิน

พนักงานออฟฟิสเมื่อถึงคราวพักร้อนมักจะตั้งอีเมลให้เป็น Auto Reply ว่าไปพักร้อน vacation หรือ out of office อะไรก็แล้วแต่ สายการบิน Qantas สบช่องว่าอีเมลนี้สามารถต่อยอดให้ลึกซึ้งขึ้น กลายเป็นช่องทางไว้โปรโมทแบรนด์ฟรีๆได้ด้วย ไอเดียคือแค่เชื่อมระบบ Auto Reply เข้ากับแอคเคาท์ Instagram  เมื่อเราไปเที่ยวแล้วใช้ # ที่ตั้งไว้ มันจะถูกนำไปรวมเป็นไดอารี่ (Traveloque) ของเราอัตโนมัติ ทีนี้พอมีคนเมลมาหาเรา แทนที่จะเป็น Auto Reply น่าเบื่อ ก็กลายเป็น Out of Office ที่สมจริง เรียล และน่าอิจฉาขึ้นไปร้อยเท่า (ไม่รู้ไอเดียนี้ทำได้อย่างไรหากเป็น Mail Server ระบบปิดขององค์กร หรือ Gmail ใครรู้ช่วยบอกที)

CAMPAIGN :  Out of Office Travelogue / Qantas
AWARDS : WOW

 

 

2) เมื่อทำตามวีดีโอแนว How-To แล้วไม่ต้อง Rewind ให้เมื่อยอีกต่อไป คำตอบอยู่ที่วีดีโอเดียวแล้วหมุนดูกับ 360 องศา

เราคงเคยทำตามวีดีโอแบบ How-to เพื่อทำ DIY สักชิ้นจะหงุดหงิดเวลาที่เราต้อง rewind ไปมาทำยังไม่ทันจบขั้นตอนแต่วีดีโอมันเปลี่ยนเสียก่อน ห้าง Lowe’s ที่ขายของที่ให้คนทำแบบ DIY มักจะทำคอนเทนต์ประเภทนี้อยู่แล้วและเห็นว่ามันเป็นปัญหา ก็เลยออกคอนเทนต์ที่ใช้เทคนิค 360 องศา รวมทุกขั้นตอนไว้ในวีดีโอเดียว แต่ละซีนจะออกแบบให้วนลูปไปเรื่อยๆ ทีนี้พอเราทำตามเสร็จขั้นตอนหนึ่งก็แค่หมุนวีดีโอไปก็เจอขั้นตอนถัดไป ไม่ต้องรีไวด์ให้เมื่อย … เป็นคอนเทนต์ที่แอบคิดในใจว่า คิดออกมาได้อย่างไร

CAMPAIGN :  Made in a Minute / Lowe’s
AWARDS : WOW

ตัวอย่างของจริง

 

 

3) ใช้ Instagram โต้ตอบแบบ Real-time อย่าถ่ายแต่ข้างนอก Opera House เข้ามาชมข้างในกันสิ

ปีๆหนึ่งมีคนมาเยี่ยมเยือน Opera House ที่ซิดนีย์ถึงปีละ 8 ล้านคน แต่ส่วนใหญ่ชื่นชมสถาปัตยกรรมภายนอกไม่ได้ลองเข้าไปใน Opera House  อย่างมากก็ถ่ายภาพแล้วอัพลง IG เท่านั้น วิธีเชื้อเชิญจึงทำแบบ Direct Marketing เมื่อไหร่ที่คนถ่ายภาพแล้วอัพโหลดลง IG ระบบจะจับภาพและโลเกชั่น แล้วรีบทำวีดีโอที่ถ่ายโดยเจ้าหน้าที่ข้างในพูดชื่อเจ้าของ IG แล้วส่งกลับเชื้อเชิญให้เข้าข้างใน ใครโชคดีแล้วเข้าไปจริงก็ได้รับประสบการณ์สุดยอดตอบแทน

CAMPAIGN :  #comeonin / Sydney Opera House
AWARDS : WOW

 

 

4) ไม่ต้องกลุ้มใจถ้าไม่รู้ว่าควรซื้อของขวัญราคาเท่าไหร่ให้เพื่อน ก็คำนวนจากการปฏิสัมพันธ์บนเฟสบุ๊คสิ

Jet.com คือร้านค้าปลีกออนไลน์ที่มีจุดยืนในเรื่องราคาที่ประหยัดและโปร่งใส แถมคาแรคเตอร์แบรนด์ก็มีความกวนๆ เมื่อถึงคราวเทศกาลให้ของขวัญ ก็เลยออกงานตอบโจทย์ pain คนทั่วๆไปที่มักมีปัญหาว่าควรตั้งงบประมาณซื้อของให้เพื่อนหรือคนรู้จักในราคาเท่าไหร่ดี Jet.com มีคำตอบโดยบอกว่าเราสามารถคำนวนจาก relationship ที่เพื่อนมีต่อเราบนเฟสบุ๊คได้ วิธีคำนวนแค่ให้ระบบเข้าไปดูจากการ interaction แล้วระบบก็จะคำนวนมูลค่าที่เราควรจ่าย แถมไปลิงค์กับกการขายสินค้าในเวบได้ด้วย เหมือนจะเล่นๆแต่ตอบโจทย์ได้จริงๆ

CAMPAIGN :  Careculator / Jet.com
AWARDS : ACT

 

 

5) Facebook LIVE สดให้ผู้อพยพจ้องตากับเจ้าบ้านนาน 4 นาที ลบอคติแล้วเหลือแค่ความเป็นมนุษย์ด้วยกัน

ปัญหาผู้อพยพกลายเป็นเรื่องใหญ่เพราะคนเริ่มไม่ Welcome และมองผู้อพยพเป็นคนละพวก แคมเปญนี้ช่วยลดปัญหาผู้อพยพด้วย Facebook LIVE เริ่มจากทำวีดีโอเชิง Social Experiment ให้เจ้าบ้านคนยุโรปกับผู้อพยพนั่งประจันหน้ากันและไม่ทำอะไรมากไปกว่าจ้องตากันใน 4 นาที ที่ทำเช่นนี้เพื่อต้องการให้แต่ละฝั่งลืมเรื่องราว ข้อมูล และอคติทุกอย่าง ให้โฟกัสแค่ความเป็นมนุษย์เท่านั้น เพียงแค่นี้ความเชื่อมโยงในความเป็นมนุษย์ด้วยกันก็ทำให้น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างเอ่อล้น ..แต่ยังไม่จบ เพราะคลิปดีแค่ไหนก็มีคนมองว่าเตี๊ยม (ซึ่งอาจจะจัดฉากหรือคาดหวังไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้น) ก็เลยจัด Event แล้ว LIVE สดทั่วโลกด้วยวิธีแบบเดียวกัน พิสูจน์ไปเลยว่าน้ำตาที่ไหลน่ะของจริง

CAMPAIGN :  #IWELCOME — LIVE / AMNESTY INTERNATIONAL
AWARDS : CRY

ตัวอย่างงาน LIVE


 

 

6)  Hack ฟีเจอร์ Instagram Stories ให้กลายเป็นสื่อช่วยการลักพาตัวเด็กผู้หญิงในอินเดีย

Instagram Stories เป็นฟีเจอร์คล้าย Snapchat ที่ให้เราโพสที่จะลบตัวเองภายใน 24 ช.ม. ที่อินเดียได้นำลูกเล่นนี้มารณรงค์เรื่องการลักพาตัวผู้หญิงที่เกิดขึ้นเฉลี่ยทุกๆ 8 นาที เฉกเช่นเดียวกับกรณีเด็กหาย การช่วยเหลือภายใน 24 ชั่วโมงถือว่าเป็นช่วงที่วิกฤติที่สุด เลยทำคอนเทนต์เล่นกับเรื่องเวลาล้อไปกับเรื่อง 24 ชั่วโมงนี้ ทุกๆชั่วโมงที่กำหนดใน Instagram Stories จะมีซีรีส์วีดีโอเรื่องราวของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกลักพาตัวและเจอกับเหตุการณ์ต่างๆที่เป็นความจริงที่แสนจะหดหู่

CAMPAIGN :  Gone Girl /  Justice and Care
AWARDS : CRY

 

 

7) อย่าพึ่งแต่ Safeguard ไปเที่ยวทะเลอย่าลืมใช้แอพฯส่องจุดอันตรายก่อนลงน้ำ

ทะเลชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียสวยแต่ก็อันตรายไม่น้อย โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าบริเวณไหนคือ Rip Current ที่จะทำให้เราถูกพัดออกไปจากชายหาด ผลก็คือมีคนตายปีละ 21 คน และเซฟการ์ดต้องออกไปช่วยกว่า 10,000 เคสต่อปี ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มากเจ้าหน้าที่ดูแลยังไงก็ไม่ทั่วถึง ทาง Samsung จึงออกแอพฯตัวนี้ขึ้นมาให้เราได้ช่วยเหลือดูแลตัวเองเป็นอันดับแรก แค่หยิบกล้องสแกนไปก็เห็น Augmented Reality ที่ระบุว่าจุดไหนอันตรายในรูปแบบต่างๆ เราก็แค่หลีกเลี่ยงซะ

ดาวน์โหลด app

CAMPAIGN :  Pocket Patrol / Samsung Australia
AWARDS : LOVE

 

 

8) เปลี่ยนคอนเทนต์เชิง Clickbaits ให้เข้ากับเนื้อเรื่องวรรณกรรม ล่อคนมาอ่านหนังสือให้มากขึ้น

เป็นแคมเปญจาก SMEs ร้านหนังสือเล็กๆที่อยากให้คนรู้จักโดยบรีฟมีแค่ “create a campaign that got people reading and talking about books” เลยเอาไปหยิบจับเอาคอนเทนต์เชิง Clickbaits ที่ล่อคนให้มาอ่านด้วย headline ที่น่าสงสัย  หัวข้อที่เลือกจะคล้ายคลึงกับเนื้อหาในวรรณกรรมชื่อดังสักเล่มหนึ่ง มาทำเป็น Clickbaits เหมือนกัน พอคนกดเข้าไปก็จะกลายเป็นให้อ่านวรรณกรรมแทนเสียฉิบ 

ดูเฟสบุ๊ค

CAMPAIGN :  Litbaits / The Wild Detectives
AWARDS : LAUGH