มีโอกาสไปชม Kaan Show ที่พัทยาหลังจากเปิดอย่างเป็นทางการได้แค่สองวัน เลยอยากจะเล่าถึงประสบการณ์หลังจากชมเสร็จ เป็นการเล่าแบบมือใหม่ที่ไม่เคยชมโชว์ดีๆแบบนี้มาก่อนครับ
ปกติเป็นคนที่ไม่เคยมีโอกาสชมโชว์สเกลใหญ่ๆ เคยไปจีนอยากดูชมโชว์ของจางอี้โหมวกี่เมืองๆก็พลาดมาโดยตลอด โชว์ Cirque du Soleil ที่เคยมาเมืองไทยก็ไม่เคยได้ไปดู บรอดเวยก็ไม่เคยไป หรือแม้กระทั่งโชว์ภูเก็ตแฟนตาซีหรือสยามนิรมิตก็ไม่เคยเข้า อย่างมากเคยดูโชว์ที่คาสิโนในลาสเวกัสนานมาแล้ว Robot Show ทีอยู่ที่ชินจูกุของญี่ปุ่น นอกจากนั้นก็เป็นโชว์คาบาเร่ต์อย่างทิฟฟานีที่ดังอยู่แล้วที่พัทยา หรือพวกละครเวทีของไทย
แต่จะบอกว่าโชว์ Kaan Show นี่ประทับใจมากครับ
Kaan Show เป็นโชว์สเกลระดับโลกที่จะทำให้คนไทยพูดบอกต่อได้ไม่อายใคร เพราะเป็นโชว์ที่ผสมผสานหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่เข้าขั้นเทพ การผสมผสานเทคนิคภาพยนตร์เข้ากับโชว์การแสดงแบบกายกรรม และเนื้อเรื่องที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณคดีของไทย
Kaan Show เป็นเนื้อเรื่องของเด็กผู้ชายวัยรุ่นคนหนึ่งที่หลุดเข้าไปในหนังสือพิศวง วิธีเดียวที่จะออกมาได้คือการเข้าไปตามเก็บชิ้นส่วนกุญแจที่ไปพลัดหลงไปในฉากวรรณคดีของไทยต่างๆพร้อมกับคู่หูที่เป็นตัวละครครึ่งนกครึ่งลิง ดูรวมๆแล้วให้ความรู้สึกคล้ายกับดูภาพยนตร์ Jumanji ในสมัยก่อนเลย
ความยาวของโชว์อยู่ประมาณชั่วโมงครึ่ง โดยจะมีฉากรวมที่ดัดแปลงมาจากวรรคดีต่างๆ ได้แก่ พระอภัยมณีกับผีเสื้อสมุทร กินรีในป่าหิมพานต์ เมขลากับรามสูร รจนาเลือกคู่กับเงาะป่า พญาชาละวันกับไกรทอง มหาสงครามแห่งรามเกียรติ์ แต่จะบอกว่าไม่ใช่ดูน่าเบื่อแบบถอดวรรณคดีมาทั้งดุ้น แต่เอามาแค่พล็อตหลัก ที่เหลือดัดแปลงจะแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม และเสริมเติมแต่งความแฟนตาซีเข้าไประดับเต็มแมกซ์
เริ่มต้นด้วยความพิศวงของโรงละครที่เหมือนลอยได้ โรงละครนี้ชื่อว่า SINGHA D’LUCK Cinematic Theatre ส่วนละครชื่อว่า Kaan Show โรงละครอยู่ที่บริเวณถัดลงมาจากพัทยาใต้นิดเดียว ตั้งอยู่ที่ถนนเทพประสิทธิ์แถวๆถนนพระตำหนัก ใครมาไม่เป็นตามพิกัด 12.906899,100.878162 นี้มาเลยครับ อีกหน่อยน่าจะเป็นอีกหนึ่งเช็คลิสต์ของคนมาเที่ยวพัทยาที่จะต้องมาเช็คอินที่มุมโรงละครด้านหน้านี้
บริเวณด้านหน้าโรงยังมีร้าน THANN และ GREYHOUND และจุดจำหน่ายบัตร แค่เข้าไปก็นึกถึงฉากห้องสมุดในแฮรี่ พ็อตเตอร์แล้วครับ
พาไปชม Trailer กันก่อนสักครู่ ดูจบแล้วก็ต้องไปอยากดูของจริงแน่นอน
ส่วนด้านในของโรงละครเป็นตามปกติของโชว์คือห้ามนำอุปกรณ์ถ่ายภาพเข้าไป ส่วนด้านในก็ห้ามบันทึกขณะโชว์แสดง ถือว่าเป็นการให้เกียรติผู้จัดทำ ก็เลยถ่ายจากมือถือได้แค่ตอนเริ่มโชว์และตอนจบโชว์ ซึ่งภาพต่างๆด้านล่างผมเอามาจากเวบไซท์อย่างเป็นทางการของ Kaan Show ของจริงก็เหมือนในภาพครับ คือมันลอยออกมา มัน immersive บอกมากไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะสปอย แต่จะบอกว่าถึงกับต้องแหงนหน้ามองเลยทีเดียว สมกับเป็นโชว์ที่เขานิยามว่า Spectacular Cinematic Live Experience มีเทคนิคที่ใช้ปล่อยไฟฟ้าจาก Tesla Coil ด้วย แค่เข้าไปก็เห็นฉากใหญ่ว่าจอ IMAX แล้ว
มารู้ทีหลังว่าผู้อยู่เบื้องหลัง Kaan Show คือระดับเทพฝั่งเอ็นเตอร์เทนเมนต์เมืองไทยทั้งนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็น GDH Scenario Xtreme Plus หรือ Baan Rig ส่วนนักแสดงก็ระดับเอกอุ แสดงกันได้แถมเต็มที่จริงๆ รู้เลยว่าซ้อมกันอย่างหนัก ทุ่มเทกันอย่างหนักมาก ก่อนจะออกมาเป็นรอบที่ Public ที่เปิดให้คนมาดู แถมหลายคนเป็นลูกหลานคนพื้นที่อีกด้วย สังเกตได้จากรอบที่ผมดูตอนเลิกมีญาติๆเพื่อนๆมาให้กำลังใจนักแสดงเยอะทีเดียว ดูแล้วน่ารักดี
เนื่องจากพล็อตหลักของ Kaan Show เรื่องนี้เป็นลักษณะเหมือนผ่านด่านคล้ายกับเกมส์ จึงไม่ได้มีไคลแมกซ์แบบภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่ละด่านดำเนินเรื่องช้าเร็วต่างกัน ยิ่งดูยิ่งกระตุ้นต่อมสงสัยอยากกลับไปค้นคว้าต่อเพราะลืมเลือนวรรณคดีไทยไปนานแล้ว อยากจะบอกว่าความอลังการของโชว์ตลอดทั้งเรื่องนั่นแหละคือไคลแมกซ์ของ Kaan Show ที่แท้จริง
ขอจบท้ายด้วยภาพหลังจบโชว์ที่นักแสดงออกมาถ่ายภาพร่วมกับผู้ชมอย่างใกล้ชิดมากๆครับ สรุปภาพรวมคือ เป็นโชว์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับคนไทย ยอมเขาเลยในมุมเอฟเฟคและความเอ็นเตอร์เทนต์เมนต์ เหมือนได้ดูอารต์ไดเร็กชั่นของหนัง การ์ตูนและเกมหลายๆเรื่องไปพร้อมๆกัน ส่วนเทคนิคการถ่ายทำและศาสตร์การแสดงของนักแสดงมันรวมกันเยอะมากครับ เขามีชื่อเรียกแต่ผมจำไม่ได้จริงๆครับ
แน่นอนว่าเป็นโชว์ระดับพรีเมียม ค่าเข้าชมก็สูงแต่ก็ประมาณราคาเท่าๆกับละครเวทีหรือคอนเสิรต์ ถ้าให้เทียบกับประสบการณ์ที่ได้รับ ก็ต้องบอกว่าคุ้มค่ามากครับ ถึงจะไม่เคยดูโชว์ระดับโลก แต่เซ้นส์ได้เลยว่านี่คือโชว์ที่ตั้งใจจะให้ทัดเทียมระดับโลกชัดๆ….เชียร์ให้ลองดูสักครั้งในชีวิต